Peak Water – 2.4L Jug Starter Pack เหยือกกรองน้ำสำหรับชงกาแฟ (by Maxwell Colonna-Dashwood)

เหยือกกรองน้ำสำหรับชงกาแฟ Peak Water – 2.4L Jug Starter Pack (by Maxwell Colonna-Dashwood)

“น้ำ” เป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการชงกาแฟที่มักถูกมองข้าม — เราอาจจะใส่ใจในการเลือกเมล็ดกาแฟ, เครื่องชง และอุปกรณ์ต่างๆ และปรับปรุงเทคนิคในการชงให้ดีขึ้นแล้ว แต่หากเราไม่ปรับเรื่องน้ำที่ใช้ชงกาแฟ รสชาติของเครื่องดื่มที่ได้อาจจะออกมาไม่ได้ดีเท่าที่เป็นได้เนื่องจากน้ำมีสัดส่วนถึง 98% ของน้ำกาแฟ

Maxwell Colonna-Dashwood เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Peak Water เป็น UK Barista Champion 3 สมัย, World Barista Champion Finalist ในปี 2012, 2013, 2015 ได้ศึกษาเรื่องน้ำสำหรับชงกาแฟคู่กับนักเคมีชื่อ Dr. Christopher Hendon และได้เขียนหนังสือ “Water For Coffee” ที่เป็นที่นิยมในวงการกาแฟ

เขาเห็นความสำคัญในการให้คนที่ดื่มกาแฟที่บ้านที่อาจจะไม่มีเครื่องกรองน้ำสำหรับกาแฟเหมือนกับร้านกาแฟให้สามารถทำกาแฟที่อร่อยได้ จึงได้ผลิตเหยือกกรองน้ำ “Peak Water Jug” ซึ่งให้บาริสต้าใส่น้ำอะไรลงไปก็ได้ โดยเครื่องจะกรองความกระด้าง (โดยกรองแค่แร่ฐาตุบางตัวออก) จากน้ำที่มีความกระด้างเกินไปด้วยไส้กรอง Carbon และ Dual-Ion Resin Filter (ที่กรองน้ำด้วยประจุไฟฟ้า)  เพื่อให้เหลือน้ำกรองที่มีแร่ฐาตุและความกระด้างที่เหมาะกับการชงกาแฟให้ได้รสชาติและกลิ่นที่ดี

“Peak Water Jug” สามารถปรับระดับการกรองได้ 5 ระดับที่เหมาะกับน้ำที่คุณใช้กรอง

รีวิวเหยือกกรองน้ำ Peak Water Jug โดย James Hoffman

[เซ็ทมาพร้อม]

• 2.4L Peak Water Jug (ปรับได้ 5 ระดับการกรอง)
• ไส้กรอง x 1 (**มีอายุไขประมาณ 2-3 เดือน – ขึ้นอยู่กับความกระด้างของน้ำที่ใช้กรองและความถี่ในการใช้งาน)
  • มาง Peak แนะนำว่าถ้าน้ำขาเข้าค่อนข้างกระด้าง จะกรองได้ประมาณ 40L ก่อนควรเปลี่ยน
  • ถ้ามีความกระด้างปานกลาง จะกรองได้ประมาณ 80L ก่อนควรเปลี่ยน
• แผ่นทดสอบความกระด้างน้ำ (Water Test Strips) x 2 แผ่น
• คู่มือการใช้งาน

[วิธีการใช้งาน]

**ในกรณีใช้งานไส้กรองที่เปิดใหม่เป็นครั้งแรก: แช่ไส้กรองใหม่ในน้ำประปา 10 นาทีก่อนนำไปใช้

1. ถอดฝาออกและใส่ Liner (กรอบสีฟ้า) ลงไปในตัวเหยือก
2. ประกอบ Filter ลงไปใน Liner (สีฟ้า) ให้ตรงช่อง
3. ก่อนนำฝามาปิด ให้หมุนปุ่มตัว “V” สีฟ้าบนฝาไปตรงคำว่า “Release”, และประกอบก้าน Bypass Pin ที่ติดอยู่บนฝาลงไปบนสลักของ Filter ให้แน่น
4. ปิดฝา
5. นำ Test Strip ไปจุ่มน้ำ (เช่นน้ำประปา หรือน้ำที่ผ่านเครื่องกรองแล้ว) ที่ต้องการกรองด้วย Peak Water Jug เพื่อวัดค่าความกระด้างและดูว่าควรกรองน้ำด้วยระดับไหน – หลังจุ่ม 5 วินาที ให้ดึงออกจากน้ำ, สีบนแถบจะเปลี่ยนภายใน 10 วินาที
6. ปรับระดับการกรองให้สอดคล้องกับระดับความกระด้างที่ได้ตาม Chart
7. เทน้ำที่ต้องการกรองลงไปและรอจนกรองเสร็จ
8. จะได้น้ำกรองสำหรับชงกาแฟ

**แนะนำให้เปลี่ยนไส้กรองทุกๆ 2-3 เดือนขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้งาน

[TIPS ในการปรับค่ากรอง (นอกเหนือจากปรับตามค่า TDS ของน้ำขาเข้าตาม Chart)] – ทาง Peak Water แนะนำให้ลูกค้าชิมกาแฟที่ได้ และปรับ โดยมี guideline ในการปรับตามนี้

• หากชงกาแฟโทน Floral ละมุนที่เน้นกลิ่นดอกไม้ (เช่น Geisha): เหมาะกับน้ำที่อ่อนมากๆเพื่อ maximize กลิ่น จึงควรปรับค่ากรองให้สูง (ให้ปริมาณแร่ธาตุในน้ำต่ำ) เพื่อเน้นกลิ่นดอกไม้
• หากชงกาแฟโทน Fruity ที่เน้นความหวานมากกว่าความหอม: ปรับค่ากรองให้ต่ำ (ให้ปริมาณแร่ธาตุในน้ำสูง) เพื่อเพิ่มบอดี้และความสมดุล
• หากชงกาแฟคั่วเข้ม: ปรับค่ากรองให้สูง (ให้ปริมาณแร่ธาตุในน้ำต่ำ) เพื่อรสชาติที่คลีนและหวาน
• หากชงกาแฟคั่วอ่อน: ปรับค่ากรองให้ต่ำ (ให้ปริมาณแร่ธาตุในน้ำสูง) เพื่อรสชาติและกลิ่นที่ซับซ้อนขึ้น
• หากชงกาแฟ Espresso: ปรับค่ากรองให้ต่ำ (ให้ปริมาณแร่ธาตุในน้ำสูง) เพื่อให้แร่ธาตุในน้ำช่วย balance ความเปรี้ยว/acidity ที่มาพร้อมกับกาแฟ TDS สูงอย่าง espresso shot

ให้ประกอบ Filter กับก้าน Bypass Pin ให้ตรงสลักเพื่อปรับค่าความกระด้าง

Peak Water Jug มาพร้อมกับแถบวัดความกระด้างน้ำ (Hardness Test Strips) 2 แผ่นซึ่งลูกค้าสามารถมใช้เพื่อทดสอบค่าความกระด้างของน้ำเพื่อปรับค่ากรองให้สอดคล้องกัน
**OPTION: หากไม่มี test trip – ลูกค้าสามารถใช้ปากกา TDS Pen เพื่อวัดได้

หลังทราบค่าความกระด้างของน้ำแล้ว ให้ปรับระดับการกรองน้ำให้สอดคล้องกับค่าความกระด้าง

หลังปรับค่าความกระด้างและกรองน้ำแล้ว สามารถนำไปทดลองใช้และปรับค่าตามรสชาติของกาแฟที่ต้องการได้ 

เพื่อคุณภาพน้ำที่ดี  ทางเราแนะนำว่าควรเปลี่ยนไส้กรอง (Filter) ทุกๆ 2-3 เดือน (ขึ้นอยู่กับความกระด้างของน้ำและความถี่ในการใช้งาน)